วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559

นางมณโฑ

             




ประวัตินางมณโฑ

เมื่อเอ่ยถึง “นางมณโฑ” ในเรื่อง “รามเกียรติ์” เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้สึกคุ้นหูกับชื่อนี้ไม่น้อยไปกว่านามของนางสีดา นางเบญกาย หรือนางสุพรรณมัจฉา แต่ประวัตินางมณโฑเป็นมาอย่างไร คนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่รู้ . . . 
ทั้งๆ ที่เรื่องราวของนางก็น่าสนใจไม่น้อย ข้อสำคัญ แม้เธอจะมิใช่สาวแรงสูงผู้ไขว่คว้าหาความรัก
แต่เชื่อไหมว่าในเรื่องเธอต้องมี “สามี” ถึงสี่คน 
เล่ากันว่าที่เชิงเขาหิมพานต์ มีฤาษีสี่ตน บำเพ็ญพรตอยู่เป็นเวลาช้านาน และมีตบะแก่กล้ามาก ทุกๆ เช้า จะมีนางโค 500 ตัว มาที่อาศรมของฤาษี และต่างก็จะหยดนมของตัวลงในอ่างแก้วเพื่อให้ฤาษีได้ฉันเป็นอาหารเช้า ซึ่งฤาษีก็จะแบ่งนมส่วนหนึ่งให้แก่นางกบตัวเมียตัวหนึ่งที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นเป็นประจำทุกวันเช่นกัน อยู่มาวันหนึ่งฤาษีทั้งสี่ออกไปป่า พบนางนาคตนหนึ่งกำลังเสพสังวาสกับงูดิน ฤาษีเห็นว่านางนาคเป็นสัตว์ตระกูลสูงกว่า ไม่น่าจะมาสมสู่กับงูดิน จึงได้เอาไม้เท้าเคาะไปที่ขนดหางนางนาคเบาๆ นางนาคกำลังร่านด้วยแรงราคะก็ยังไม่รู้ตัว ฤาษีจึงเคาะซ้ำไปที่กลางลำตัว นางนาคตกใจคลายขนด (ขะ-หฺนด หมายถึงตัวงูที่ขด หรือโคนหางงู) ออกมาเห็นฤาษี ก็รู้สึกอับอายขายหน้า จึงหนีกลับไปเมืองบาดาล กลับไปแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งคิดแค้นใจพระฤาษีที่ทำให้ตนได้รับความอับอาย และคิดว่าหากพระยากาฬนาคพ่อตนรู้เข้า นอกจากตนจะเสื่อมเสียแล้ว ก็อาจมีโทษถึงตาย เมื่อคิดได้ดังนั้น นางนาคจึงกลับไปอาศรมฤาษี แล้วคายพิษลงในอ่างน้ำนมที่ฤาษีทั้งสี่ต้องฉันทุกเช้า ฝ่ายนางกบเห็นเช่นนั้น ก็ตกใจ และด้วยความกตัญญูสำนึกในพระคุณของฤาษีที่เลี้ยงตนมา จึงตัดสินใจตายแทน ด้วยการกระโดดลงไปในอ่างนม และขาดใจตายเพราะพิษนางนาคนั้น
ครั้นฤาษีทั้งสี่กลับมาจะฉันน้ำนม เห็นนางกบนอนตายในนั้น ก็รู้สึกไม่พอใจคิดว่านางกบตะกละ แต่ก็ยังมีใจเมตตาอยู่ จึงชุบชีวิตนางกบขึ้นมาใหม่ แล้วสอบถามดูว่าทำไมประพฤติตัวโลภมากอย่างนี้ ให้กินทุกวันยังไม่พอใจอีกหรือ นางกบก็เล่าความจริงให้ฟังถึงเรื่องนางนาคมาคายพิษไว้ ฤาษีฟังแล้ว เห็นในคุณความดีของนางกบ จึงได้ทำพิธีก่ออัคคีแล้วร่ายมนตร์วิเศษ พร้อมโยนนางกบลงในไฟ ชุบชีวิตขึ้นมาใหม่กลายเป็นสาวที่มีรูปโฉมโนมพรรณงามกว่าหญิงใดในสวรรค์ทั้งหก ดังพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ ๑ ที่ว่า
"เดชะพระเวทสิทธิศักดิ์ พระวิษณุรักษ์รังสรรค์
เกิดเป็นกัลยาวิลาวัณย์ งามวิจิตรพิศพรรณขวัญตา
งามพักตร์ยิ่งชั้นมหาราช งามวิลาสล้ำนางในดึงสา
งามเนตรยิ่งเนตรในยามา งามนาสิกล้ำในดุษฎี
งามโอษฐ์งามกรรณงามปราง ยิ่งนางในนิมาราศี
งามเกศยิ่งเกศกัลยาณี อันมีในชั้นนิรมิต
ทั้งหกห้องฟ้าหาไม่ได้ ด้วยทรงลักษณ์วิไลไพจิตร
ใครเห็นเป็นที่เพ่งพิศ ทั้งไตรภพจบทิศไม่เทียมทัน"

จากพระราชนิพนธ์ข้างต้น จะเห็นได้ว่าหน้าตาของนางมณโฑเลิศล้ำสวยงามเพียงใด และจากที่นางมีกำเนิดมาจากกบ พระฤาษีจึงตั้งชื่อให้ว่า “นางมณโฑ” ที่แปลว่า “กบ” อันเป็นสถานภาพเดิมของนาง และเนื่องจากพระฤาษีเห็นว่านางเป็นหญิงสาวไม่เหมาะจะอยู่ด้วย เกรงเป็นที่ติฉินนินทาได้ จึงพร้อมใจกันพานางไปถวายพระอิศวร (พระศิวะ) พระอิศวรก็รับนางไว้ และให้ไปอยู่กับพระแม่อุมา พระชายาของพระองค์ นับตั้งแต่ไปอยู่กับพระอุมา นางมณโฑก็ตั้งใจปรนนิบัติรับใช้พระแม่เป็นอย่างดี จนเป็นที่เมตตาและพระแม่อุมาก็ได้บอกพระเวทย์ต่างๆ ให้
ต่อมาเขาไกรลาสเอียงทรุด เพราะยักษ์วิรุฬหกจากเมืองบาดาลโกรธสารภูตุ๊กแกที่ล้อเลียนตน จึงขว้างสังวาลนาคใส่ และเลยไปถูกเขาไกรลาสจนเอียง พระอิศวรจึงประกาศแก่เหล่าเทวดาทั้งหลายที่มาเฝ้าว่า หากใครยกเขาไกรลาสให้ตั้งตรงได้ จะมีรางวัลให้อย่างงาม ก็ปรากฎว่าไม่มีใครยกได้ พระอิศวรจึงต้องให้เทวดาไปตามทศกัณฐ์มายกให้จึงสำเร็จ ทศกัณฐ์ก็ทูลขอพระแม่อุมาเป็นรางวัล พระอิศวรแม้ไม่พอใจที่ทศกัณฐ์เหิมเกริม แต่เนื่องจากออกโอษฐ์ไปแล้ว ก็จำยอมประทานให้ตามขอ เพราะรู้ว่าอย่างไรเสีย ทศกัณฐ์ก็ต้องนำมาคืนแน่นอน ฝ่ายทศกัณฐ์พอได้รับประทานพระอุมา ก็ตรงเข้าไปอุ้มพระแม่อุมา แต่ครั้นถูกองค์พระแม่ ก็รู้สึกร้อนเหมือนถูกไฟไหม้ จึงจำต้องช้อนพระบาทพระอุมาทูนไว้บนหัว เหาะกลับเมืองลงกา เหาะต่อมาไม่นาน ก็รู้สึกร้อนจนทนไม่ได้ จึงต้องวางพระแม่อุมาลง และพาเดินต่อไป ส่วนเหล่าเทวดานางฟ้าเห็นทศกัณฐ์พาพระอุมาไปเช่นนั้นก็ตกใจ จึงพากันไปเฝ้าพระนารายณ์ให้ช่วยแก้ไข พระนารายณ์จึงออกอุบายแปลงเป็นยักษ์แก่ ปลูกต้นไม้เอายอดลงดิน รากชี้ฟ้า ทศกัณฐ์พาพระอุมาเดินผ่านก็สงสัยและแปลกใจ ถามว่าทำไมโง่ปลูกต้นไม้แบบนี้ ยักษ์แปลงก็ว่าทศกัณฐ์แหละโง่ ไปพาหญิงร้ายที่จะมาทำลายเหล่ายักษ์มาทำไม ไม่รู้จักขอของดีมา ทศกัณฐ์ได้ฟังก็ชักเห็นตาม เพราะตนเองพาพระอุมามาก็ร้อนเข้าใกล้ไม่ได้ จึงถามยักษ์แก่ดู ก็ได้รับคำแนะนำให้ไปขอนางมณโฑ ทศกัณฐ์จึงพาพระอุมาทูนหัวเหาะกลับไปคืนพระอิศวร และขอนางมณโฑมาแทน
ระหว่างพานางมณโฑเหาะกลับเมืองนั้น ถึงคราวเคราะห์ของทศกัณฐ์ที่เหาะผ่านเมืองขีดขินของพาลี พญาลิงที่กำลังว่าราชการอยู่ ทำให้พาลีไม่พอใจฉวยพระขรรค์เหาะไปขวางหน้าทศกัณฐ์ ครั้นเห็นนางมณโฑงามดั่งนางฟ้าก็นึกรัก จึงพาลหาเรื่องต่อสู้กับทศกัณฐ์ๆ พ่ายแพ้ พาลีจึงแย่งนางมณโฑมาได้ แล้วพากลับเมืองได้นางเป็นเมีย นางมณโฑนั้นแต่แรกก็ไม่ยินยอม แต่ก็ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ กอปรกับพาลีใช้ทั้งวาทศิลป์และเล่ห์ชายจนนางต้องยินยอมในที่สุด นับว่าพาลีเป็นสามีลิงคนแรกของนาง
ส่วนทศกัณฐ์นั้นเมื่อกลับกรุงลงกา ก็เสียใจที่แพ้และยังถูกแย่งนางมณโฑไป จึงคลุ้มคลั่งพาลทำร้ายนางสนมกำนัลในไปหมด ใครเอาใจอย่างไรก็ไม่ถูกใจ และไม่ว่าราชการนานถึงเจ็ดเดือน กุมภกรรณและพิเภกน้องชายจึงช่วยกันคิดหาวิธีแก้ไข ด้วยการไปเชิญพระโคบุตร อาจารย์ของทศกัณฐ์มา เมื่อทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว พระโคบุตรจึงไปหาพระอังคต อาจารย์ของพาลี เพื่อให้ว่ากล่าวพาลีให้คืนนางมณโฑแก่ทศกัณฐ์ พระอังคตจึงเดินทางไปหาพาลีกล่อมให้คืนนางมณโฑ และว่าพาลีทำไม่ถูกที่ไปแย่งเมียคนอื่นเขามา ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง พาลีไม่อยากคืน ก็อ้างว่านางท้องได้หกเดือนแล้ว ไม่อยากให้ลูกตนไปอยู่กับยักษ์ พระอังคตจึงว่าเรื่องนี้ไม่ยาก ท่านจะแหวะท้องนาง เอาลูกมาใส่ในท้องแพะไว้ก่อนจนกว่าจะคลอด พาลีบ่ายเบี่ยงอย่างไรก็ไม่เป็นผล แม้จะไม่เต็มใจ ก็จำต้องยอมคืนนางแก่ทศกัณฐ์ ครั้นนางมณโฑทราบเรื่องก็เสียใจ ร้องไห้จนสลบไป พระอังคตเห็นเป็นโอกาสดี จึงผ่าท้องเอาลูกนางไปใส่ในท้องแพะ และร่ายมนตร์วิเศษปิดท้องให้อย่างเดิม เมื่อนางฟื้นก็พาตัวไปคืนทศกัณฐ์ ส่วนลูกนางกับพาลีที่ฝากไว้กับท้องแพะ เมื่อถึงกำหนดสิบเดือน พระอังคตก็ทำพิธีผ่าออกมาจากท้องแพะ แล้วให้ชื่อว่า “องคต” เลียนชื่อท่านเองเพื่อเป็นมงคลนาม (นี่จะเห็นว่า การอุ้มบุญ มีมาแต่โบราณกาล แถมวิทยาการยังทันสมัยกว่าอีก เพราะให้สัตว์อุ้มท้องแทนก็ได้)
ส่วนทศกัณฐ์ได้นางมณโฑคืนมา ก็ดีใจพาเหาะกลับกรุงลงกา แล้วเกี้ยวพาราสีต้องเนื้อต้องตัวนาง จนในที่สุดก็ได้นางเป็นเมียสมใจ ถือเป็นสามีคนที่สอง นางมณโฑนั้น เมื่อเป็นเมียพาลีก็คงรักพาลี เพราะเป็นชายคนแรกของนาง ครั้นต้องมาเป็นเมียทศกัณฐ์ นางก็รักและจงรักภักดีต่อทศกัณฐ์เช่นกัน ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อทศกัณฐ์ลักนางสีดามา และต้องทำสงครามต่อสู้กับพระราม พระลักษณ์และหนุมานยืดเยื้อเป็นเวลานาน จนต่างฝ่ายต่างต้องเสียไพร่พลไปมากมายนั้น ทศกัณฐ์ก็ได้สอบถามนางมณโฑว่า ตอนที่นางอยู่กับพระแม่อุมา ได้เรียนมนตร์วิเศษอะไรบ้าง นางก็ว่าเคยเรียนมนตร์ที่เรียกว่า “สัญชีพ” ไว้ ซึ่งมนตร์นี้ถ้าทำสำเร็จจะได้น้ำทิพย์อันวิเศษ ผู้ใดตายไปแล้ว หากพรมด้วยน้ำทิพย์นี้ ก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมา ใช้ให้ทำอะไรก็ได้ และยังสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ด้วย แต่มีข้อแม้ว่าผู้ทำพิธีห้ามพูด และห้ามร่วมเสน่หาระหว่างกระทำพิธี ทศกัณฐ์ได้ทราบก็ดีใจนัก รีบตั้งโรงพิธีให้นางมณโฑทันที ครั้นทำพิธีครบเจ็ดวัน ก็บังเกิดน้ำทิพย์ขึ้นในหม้อทองคำ นางมณโฑก็ให้รีบนำไปให้ทศกัณฐ์ที่สนามรบ ทศกัณฐ์จึงใช้น้ำทิพย์ประพรมไพร่พลยักษ์ที่ตายไป ทำให้เหล่ายักษ์ปีศาจฟื้นขึ้นมาช่วยต่อสู้ใหม่ และเข้าโจมตีไพร่พลวานรของพระรามจนแตกกระเจิงไป พระรามเห็นดังนั้น ก็สอบถามพิเภกดู เมื่อทราบความจริง จึงได้ส่งหนุมาน พร้อมด้วยวานรอีกจำนวนหนึ่งไปทำลายพิธี หนุมานจึงได้แปลงตนเป็นทศกัณฐ์ และให้พลพรรควานรที่ไปด้วยแปลงเป็นพวกทศกัณฐ์เดินทัพกลับเข้ากรุงลงกา ทำทีว่าชนะศึกกลับมาแล้ว จากนั้นหนุมานก็ตรงไปโรงพิธี ใช้เล่ห์กลหลอกนางมณโฑให้เข้าใจว่าตนเป็นทศกัณฐ์กลับมาขอบคุณนางที่ทำให้รบชนะ แล้วก็พานางกลับปราสาทโอ้โลมปฏิโลมจนได้ร่วมพิศวาสกับนาง ส่วนพลพรรควานรที่อยู่ข้างนอกก็ทำลายโรงพิธีจนหมดสิ้น
เมื่อหลอก “นอน”กับนางมณโฑ เป็นการทำลายพิธีได้สำเร็จแล้ว หนุมานแปลงก็ลานาง ทำทีว่าจะไปจับพิเภกที่หนีไปได้ จากนั้นก็กลับไปทูลพระรามว่าสามารถล้มพิธีได้แล้ว พระรามจึงสั่งให้สุครีพนำพลเข้าโจมตีพวกยักษ์ ฝ่ายทศกัณฐ์เมื่อต่อสู้ไปๆ น้ำทิพย์ที่จะพรมยักษ์ตาย ให้ฟื้นก็หมด ไม่เห็นมีใครมาส่งเพิ่ม แล้วยังถูกพวกลิงเยาะเย้ย ก็เอะใจ ขอพักรบ แล้วกลับเมือง ไปถึงเห็นโรงพิธีพินาศ จึงไปสอบถามและต่อว่านางมณโฑที่อยู่ในปราสาท และยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่อยู่ นางมณโฑก็เล่าเรื่องราวให้ทราบ ทศกัณฐ์ก็รู้ว่าเสียท่าหนุมานแล้ว ก็บอกเมีย นางมณโฑทั้งอับอายขายหน้า ทั้งเสียใจที่เสียตัวและเสียรู้หนุมาน จึงร้องไห้จนสลบไป ทศกัณฐ์ก็แก้ไขจนฟื้น แต่นางยังรู้สึกเสียใจร้องไห้รำพึงรำพันขอให้ทศกัณฐ์ฆ่านางเสีย เพราะนางทำให้เสียเกียรติสามี แต่ทศกัณฐ์นั้นทั้งรักและสงสารเมีย จึงปลอบโยนนางมณโฑ และว่าตนไม่ถือโทษโกรธนาง ถือเสียว่าเป็นกรรมเป็นเวรไปก็แล้วกัน ส่วนการต่อสู้ ตนก็จะหาวิธีอื่นต่อไป นางจึงค่อยคลายทุกข์ไป ดังนั้น หนุมานจึงเป็นสามีคนที่สาม แต่เป็นสามีลิงคนที่สองของนาง (พาลีเป็นคนแรก) แต่อย่างกรณีของหนุมาน จะนับว่าเป็นสามีจริงๆ จังๆ อย่างพาลี และทศกัณฐ์คงไม่ได้ เพราะเป็นการได้นางเป็นเมียแบบใช้เล่ห์กล และถ้านางรู้ก็คงไม่ยอมเป็นแน่
ต่อมาภายหลัง เมื่อหนุมานสามารถล่อลวงเอากล่องดวงใจของทศกัณฐ์มาจากพระโคบุตร อาจารย์ของทศกัณฐ์ จนทำให้พระรามฆ่าทศกัณฐ์ตายได้ในที่สุดนั้น ก่อนตายทศกัณฐ์ก็ได้ฝากฝังนางมณโฑไว้กับพิเภกน้องชาย ครั้นชนะศึกแล้ว พระรามก็ได้จัดพิธีราชาภิเษกให้พิเภก ได้ครองกรุงลงกาต่อมา โดยให้ชื่อใหม่ว่า “ท้าวทศคิริวงศ์” และประทานนางมณโฑให้ พิเภกจึงเป็นสามีคนที่สี่ และเป็นสามียักษ์คนที่สองของนางมณโฑ ต่อมานางมณโฑได้คลอดลูกชายชื่อ “ไพนาสุริย์วงศ์” ซึ่งเป็นลูกทศกัณฐ์ที่ติดท้องนางมณโฑมา ก่อนที่ทศกัณฐ์จะตาย แต่พิเภกไม่รู้ และเข้าใจว่าเป็นลูกตน จึงรักและชื่นชมเลี้ยงดูลูกนางเป็นอย่างดี ต่อมาไพนาสุริย์วงศ์รู้จากพี่เลี้ยงว่าทศกัณฐ์ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ตายไปแล้ว ส่วนพิเภกเป็นเพียงพ่อเลี้ยง จึงไปถามนางมณโฑดูจนรู้ความจริง จึงอุบายขอลาไปเรียนวิชา เมื่อเรียนจบก็แอบไปหาท้าวจักรวรรดิเพื่อนทศกัณฐ์ให้มาช่วยแก้แค้นพิเภก จับพิเภกขังคุก และท้าวจักรวรรดิ์ก็ได้ตั้งไพนาสุริย์วงศ์ลูกทศกัณฐ์กับนางมณโฑครองกรุงลงกาแทน โดยตั้งนามใหม่ให้ว่า “ทศพิน” ต่อมาทศพินก็ต้องตายไปเพราะมีการสู้รบแก้แค้นไปมา ส่วนนางมณโฑแม้จะได้ห้ามลูกไว้แต่แรกแล้ว แต่ทศพินหรือไพนาสุริย์วงศ์ก็ไม่ฟัง จึงต้องตายไปในที่สุด นางมณโฑเองก็เกือบต้องโทษในฐานะเป็นแม่ด้วย แต่พอดี “องคต” ลูกชายอีกคนที่เกิดกับพาลี มีความดีความชอบ จึงรอดพ้นโทษมาได้ ซึ่งเนื้อหารามเกียรติ์ตอนต่อไปยังมีอีกมาก แต่มิได้กล่าวถึงนางมณโฑอีก
จะเห็นได้ว่าชีวิตของ “นางมณโฑ” นางกบที่พระฤาษีอุตส่าห์ชุบชีวิตให้เป็นสาวงาม แม้ว่าจะต้องมีผัวถึงสี่คน แต่ถ้าอ่านตามเนื้อเรื่องแล้ว จะเห็นได้ว่านางมิใช่หญิงที่จงใจใช้ความงามหว่านเสน่ห์เพื่อหาสามีเลย ตรงกันข้าม การมีสามีแต่ละครั้งแต่ละหน ล้วนอยู่ในภาวะจำยอมทั้งสิ้น นั่นคือ ไม่ถูกยกให้ ก็ถูกแย่ง หรือถูกหลอก โดยเมื่อแรกอยู่กับพระแม่อุมาดีๆ ก็ถูกยกให้ทศกัณฐ์ ยังไม่ทันอยู่กินกับทศกัณฐ์ก็ถูกแย่งไปเป็นเมียของพาลี แล้วถูกพากลับมาเป็นเมียทศกัณฐ์อีก ครั้นแล้วก็ต้องตกเป็นเมียหนุมานโดยไม่รู้ว่าถูกหลอกขณะทำพิธีช่วยทศกัณฐ์สามี และท้ายสุดก็ถูกยกให้เป็นเมียน้องสามีคือพิเภกอีก นางมณโฑจึงนับเป็นสาวงามผู้อาภัพยิ่งนัก แม้นางจะมากผัว เป็นผัวลิงบ้าง ผัวยักษ์บ้าง แต่ก็กล่าวได้ว่า นางมิใช่ผู้หญิงประเภทมั่วรัก กลับเป็นหญิงที่ดีงามคนหนึ่ง เพราะนางจงรักภักดีต่อสามีทุกคน
(ยกเว้นหนุมานเพราะได้ด้วยเล่ห์กล)
มิฉะนั้นแล้ว เราอาจจะมี วลีเสียดสีผู้หญิงที่มีสามีหลายคนเพิ่มจากนางวันทอง โมรา กากี โดยต่อท้ายว่า นางมณโฑมากผัวก็ได้ 

 

ท้าวทศรถ



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ท้าวทศรถ ประวัติ

ท้าวทศรถ เป็นพระราชโอรสของท้าวอัชบาล ครองกรุงอโยธยาต่อจากพระราชบิดา ท้าวทศรถได้กำหราบยักษ์หลายตน เช่น ปทูตทันต์ ในการศึกนั้นท้าวทศรถต่อสู้ด้วยศร จนปทูตทันต์กระเด็นไป ปทูตทันต์โมโหก็ขว้างกระบองแก้ว ทำให้เกิดเสียงดังกัมปนาท และบังเกิดเปลวไฟ ท้าวทศรถเห็นเพลิงจึงขว้างพระขรรค์ เกิดเป็นฝนตกลงมาดับไฟ ทำให้เพลารถหัก นางไกษเกษีเห็นดังนั้น จังนำแขนมาเทียมรถ ได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก ปทูตทันต์โมโหโทโส กระโดดเข้ามาใหม่ ท้าวทศรถจึงขว้างพระขรรค์ไปใหม่ ด้วยอำนาจอันเรืองฤทธิ์ของพระขรรค์ ปทูตทันต์จึงกระเด็นตกยังพื้นพสุธาคอหักตายคาที และท้าวทศรถจึงได้ให้รางวัลแก่นางไกษเกษี ว่าในวันข้างหน้า หากนางขออะไร ก็จะให้ตามที่นางขอ ท้าวทศรถอยู่ในราชสมบัติได้หกหมื่นปี ก็มาคิดเรื่องโอรสทั้งสี่ที่จะแบ่งสมบัติให้ โดยพระพรตและพระสัตรุตจะได้ครองกรุงไกยเกษ ส่วนพระรามและพระลักษมณ์จะให้ครองกรุงศรีอยุธยา แต่การนี้นางไกยเกษีมเหสีองค์รองขัดขวาง โดยยกเรื่องของรางวัลในอดีตมาเป็นข้อต่อรอง ให้พระรามไปอยู่ในป่าสิบสี่ปี และให้พระพรตขึ้นครองราชย์แทน ท้าวทศรถเสียใจมากจึงตรอมใจตาย

พระลักษณ์

            
 ประวัติพระลักษณ์

พระลักษมณ์ คือ พญาอนันตนาคราช
ที่ประทับของพระนารายณ์มาเกิด
มีกายสีทอง เป็นพระโอรสของท้าวทศรถ
กับนางสมุทรเทวี มีพระอนุชาร่วมพระมารดา
คือ พระสัตรุต พระลักษมณ์มีความจงรักภักดี
ต่อพระรามมาก เมื่อพระรามต้องออกเดินป่า
ถึง ๑๔ ปี พระลักษมณ์ก็ได้ติดตามไปด้วย
และยังช่วยออกรบกับกองทัพของกรุงลงกา
อย่างกล้าหาญ 

ทูษณ์

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ทูษณ์ประวัติ




     พระยาทูษณ์   เป็นโอรสของท้าวลัสเตียนครองเมืองชนบท   เมื่อพระยาขรตายแล้วไพร่พลบางส่วนได้หนีไปหาพระยาทูษณ์   พระยาทูษณ์ได้ข่าวก็เสียใจพาลโกรธแค้น   จึงบัญชาจัดทัพพาพลยักษ์มุ่งสู่ริมฝั่งน้ำโคทาวารี
           เข้าต่อสู้กับกองทัพพระราม   พระยาทูษณ์ร่ายเวทหายตัวขี่ม้าหมายฆ่าพระราม   พระรามได้ยินเสียงฝีเท้าม้าแต่ไม่เห็นตัวก็ชักศรแผลงออกไป   ต้องหัวม้าขาดกระเด็น   พระยาทูษณ์จึงเหาะเข้ากลีบเมฆแล้วร่ายเวทชุบหอกเทวดาพุ่งลงมาเป็นหอกเพลิง   พระรามเห็นทันก็แผลงศรซ้ำตัดมือตีนหัวพระยาทูษณ์ตกลงมาขาดใจตาย

หนุมาน


 ประวัติหนุมาน

หนุมาน เป็นลิงเผือก (กายสีขาว) มีลักษณะพิเศษ คือ
มีเขี้ยวแก้วอยู่กลางเพดานปาก มีกุณฑลขนเพชร
สามารถแผลงฤทธิ์ให้มีสี่หน้าแปดมือ แลหาวเป็นดาว
เป็นเดือนได้ ใช้ตรีเพชร (สามง่าม) เป็นอาวุธประจำตัว
(จะใช้เมื่อรบกับยักษ์ตัวสำคัญๆ) มีความเก่งกล้ามาก
สามารถแปลงกาย หายตัวได้ ทั้งยังอยู่ยงคงกระพัน
แม้ถูกอาวุธของศัตรูจนตาย เมื่อมีลมพัดมาก็จะฟื้นขึ้น
ได้อีก เมื่อนางสวาหะถูกมารดาสาปให้ไปยืนตีนเดียว
เหนี่ยวกินลม พระอิศวรจึงบัญชา ให้พระพายนำ
เทพอาวุธของพระองค์ไปซัดเข้าปากของนาง
นางจึงตั้งครรภ์และคลอดบุตรเป็นลิงเผือก
เหาะออกมาจากปาก ได้ชื่อว่าหนุมาน หนุมาน
จึงถือว่าพระพายเป็นพ่อของตน หนุมานได้ถวายตัว
เป็นทหารเอกของพระราม ช่วยทำการรบจนสิ้นสงคราม 
 

ตรีเศียร

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ประวัติตรีเศียร




 ตรีเศียร   เป็นโอรสอีกองค์หนึ่งของท้าวลัสเตียนครองเมืองมัชวารี   มีร่างเป็นยักษ์บนหัวมีสามหน้า   เมื่อพระยาทูษณ์ตายไพร่พลหนีมาแจ้งให้ตรีเศียรรู้   ก็เสียใจอาลัยพี่   จัดทัพพาพลยักษ์มุ่งหมายฆ่าพระราม พระลักษมณ์   กองทัพของตีเศียรประหลาดกว่ากองทัพอื่น   กองหนึ่งเป็นพลมารหน้าเป็นเสือตัวเป็นยักษ์   กองหนึ่งหน้าเป็นคนธรรพ์ตัวเป็นควาย   กองหนึ่งหน้าเป็นลาตัวเป็นลิง   กองหนึ่งหน้าเป็นผีไพรตัวเป็นราชสีห์   และอีกกองหน้าเป็นม้าตัวเป็นมังกร  เมื่อเข้าต่อสู้กับพระราม   ถูกพระรามฆ่าตาย

พิเภก

        
     ประวัติพิเภก

พิเภก คือ เทพบุตรเวสสุญาณ จุติลงมาเกิดเพื่อช่วยพระราม
ปราบทศกัณฐ์ มีกายสีเขียว เป็นน้องของทศกัณฐ์ มีความรู้
ทางโหราศาสตร์อย่างยอดเยี่ยม สามารถทำนายเหตุการณ์
์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ เมื่อทศกัณฐ์ลักพานางสีดามา
พิเภกได้ทูลตักเตือน และแนะนำให้ส่งนางสีดาคืนไป
ทำให้ทศกัณฐ์โกรธมาก จนขับไล่พิเภกออกไปจากเมือง
พิเภกจึงไปสวามิภักดิ์กับพระราม ให้คำแนะนำที่เป็น
ประโยชน์ จนกระทั่งพระรามชนะสงคราม หลังจากเสร็จ
ศึกแล้ว พระรามได้สถาปนาให้พิเภกเป็นกษัตริย์ครองกรุง
ลงกา มีพระนามว่า ท้าวทศคีรีวงศ์

นางสีดา

          

   ประวัติสีดา


นางสีดา คือ พระลักษมี มเหสีอของพระนารายณ์ อวตาร
ลงมาเกิด เพื่อเป็นคู่ครองของพระราม ตามบัญชาของ
พระอิศวร นางสีดา เป็นพระธิดาของทศกัณฐ์ กับนาง
มณโฑ แต่เมื่อประสูติแล้ว พิเภกได้ทำนายว่า นางเป็น
กาลกิณีแก่พระบิดาและบ้านเมือง ทศกัณฐ์จึงสั่งให้นำนาง
ใส่ผอบลอยน้ำไป พระฤาษีชนกพบเข้า จึงเก็บไปเลี้ยง
เป็นลูก โดยฝังดินฝากแม่พระธรณีไว้ เวลาผ่านไปถึง ๑๖ ปี
พระฤาษีชนกเบื่อหน่ายการบำเพ็ญพรต คิดกลับไปครอง
กรุงมิถิลาเช่นเดิม จึงลาเพศพรหมจรรย์ไปขุดนางขึ้นมา
แล้วตั้งชื่อให้ว่า สีดา (แปลว่ารอยไถ) จากนั้นพานางพา
นางเข้าเมืองมิถิลา จัดพิธียกศรคู่บ้าน คู่เมืองเพื่อ
เสี่ยงทายหาคู่ครองให้นางสีดา พระรามยกศรได้ จึงได้
อภิเษกสมรสกับนางสีดา 

ทศกัณฐ์

             ประวัติทศกัณฐ์

ทศกัณฐ์ เป็นกษัตริย์แห่งกรุงลงกา นับว่าเป็นตัวเอกของ
เรื่องรามเกียรติ์ มีกายสีเขียว มี ๑๐ พักตร์ ๒๐ กร
ทรงมงกุฏชัย ลักษณะปากแสยะ ตาโพลง
ทศกัณฐ์ เดิมเป็นยักษ์นนทกกลับชาติมาเกิด เพื่อรบกับ
พระนารายณ์ ซึ่งอวตารมาเกิดเป็นมนุษย์ ไม่มีใครฆ่าให้
ตายได้ เพราะทศกัณฐ์ถอดดวงใจ ใส่กล่องฝากไว้
กับพระฤาษีโบุตรผู้เป็นอาจารย์ ทศกัณฐ์มีนิสัยเจ้าชู้ มีชายา
และนางสนมมากมาย แต่ถึงกระนั้นเมื่อรู้ว่านางสีดาเป็นหญิง
ที่มีความงดงามมาก แม้นางจะมีพระสวามีอยู่แล้ว ก็ยัง
ลักพาตัวไป จึงเป็นสาเหตุให้ต้องทำศึกกับพระราม
จนญาติมิตรล้มตายไปเป็นจำนวนมาก และในที่สุดตนเอง
ก็ถูกพระรามฆ่าตาย
 

นางศรีประจัน

                                                          

                             นางศรีประจัน เป็นแม่ของนางพิมหรือนางวันทอง นางเป็นคนปากจัด ด่าเก่ง และเอาแต่ใจตนเอง                    ขุนช้างมาบอกข่าวว่าพลายแก้วตายและขู่ว่า นางวันทองจะต้องถูกจับกุมตัวเข้าวังเป็นม่ายหลวง นอกจาก                   จะรีบแต่งงานใหม่เสีย แล้วขุนช้างก็เอาเงินทองของมีค่ามาล่อใจ  นางศรีประจันจึงคิดให้นางวันทองแต่ง                   งานกับขุนช้าง แม้ว่านางวันทองกับคนอื่นๆจะพยายามคัดค้านแต่นางศรีประจันไม่สนใจ บังคับให้นางวัน                   ทองแต่งงานใหม่กับขุนช้างจนได้ การกระทำของนางทำให้ลูกสาวต้องมีสามีถึงสองคน และมีเหตุวุ่นวาย                    แย่งตัวนางวันทองกัน ผลสุดท้ายนางวันทองถูกประหารชีวิต

พลายงาม



          พลายงาม  มีตำแหน่งราชการเป็น จมื่นไวยวรนาถ ซึ่งมักเรียกสั้นๆ ว่า พระไวย หรือหมื่นไวย เป็นลูกของขุนแผนกับนางวันทอง แต่ไปคลอดที่บ้านของขุนช้าง เพราะนางวันทองถูกขุนช้างฉุดไปขณะที่ท้องแก่ ยิ่งโตพลายงามก็ยิ่งละหม้ายคล้ายขุนแผนมากขึ้น ทำให้ขุนช้างเกลียดชัง วันหนึ่งจึงหลอกพลายงามไปฆ่าในป่า  แต่โหงพรายของขุนแผนมาช่วยไว้  นางวันทองจึงให้พลายงามไปอยู่กับนางทองประศรีผู้เป็นย่าที่กาญจนบุรี พลายงามได้เรียนวิชาจากตำราของพ่อจนเชี่ยวชาญมีความสามารถเช่นเดียวกับขุนแผน ต่อมาได้อาสายกทัพไปรบกับเชียงใหม่ แล้วถือโอกาสขออภัยโทษให้ขุนแผนออกจากคุกได้ เมื่อกลับจากสงครามก็ได้ตำแหน่งเป็นจมื่นไวยวรนาถ  และมีภรรยา ๒ คน คือ นางศรีมาลา และ นางสร้อยฟ้า

ขุนช้าง

ขุนช้างเป็นลูกของขุนศรีวิชัยกับนางเทพทอง เกิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ขุนศรีวิชัยเป็นเศรษฐีของเมืองสุพรรณบุรี รับราชการเป็นนายกรมช้างนอก ขุนช้างเป็นเพื่อนเล่นกับพลายแก้ว(ขุนแผน)และนางพิมพิลาไลยมาตั้งแต่เด็กแล้ว
แต่แล้วก็เกิดเรื่องเลวร้ายกับครอบครัวขุนช้าง(เช่นเดียวกับครอบครัวพลายแก้วและครอบครัวพิมพิลาไลย)เมื่อมีโจรกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาปล้นเรือน ขุนศรีวิชัยได้ถูกโจรฆ่าตาย โจรก็เอาทรัพย์สมบัติไปจำนวนหนึ่งเพราะทรัพย์สมบัติของขุนศรีวิชัยมีจำนวนมากทำให้พวกโจรขนไปไม่หมด หลังจากนั้นนางเทพทองก็ปกครองดูแลบ้านแทนสามีที่ตายและเลี้ยงดูขุนช้างเป็นอย่างดี
เวลาผ่านไป ขุนช้างก็ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่และก็ได้เป็นเศรษฐีดูแลกิจการแทนแม่ของตน ขุนช้างก็มีภรรยาหนึ่งคนชื่อนางแก่นแก้ว แต่นางนั่นก็สิ้นใจไปไม่ถึงปี ขุนช้างก็จึงคิดที่จะมีภรรยาคนใหม่โดยคิดจะจีบนางพิมพิลาไลย เพื่อนสมัยเด็ก แต่นางพิมก็ไม่เล่นด้วย ต่อมาขุนช้างก็ได้ไปเข้าร่วมฟังเทศน์มหาชาติที่วัดป่าเลไลย์ โดยมีเณรพลายแก้ว(เพื่อนสมัยเด็กอีกคนหนึ่ง) เทศน์กัณฑ์มัทรี ซึ่งนางพิมพิลาไลยเป็นเจ้าของกัณฑ์เทศน์นางพิมเลื่อมใสมากจนเปลื้องผ้าสไบบูชากัณฑ์เทศ์ ขุนช้างเห็นเช่นนั้นก็เปลื้องผ้าห่มของตนวางเคียงกับผ้าสไบของนางพิม อธิฐานขอให้ได้นางเป็นภรรยา ทำให้นางพิมโกรธ
ขุนช้างยังไม่ลดละความพยายามที่จะเอานางพิมมาเป็นภรรยาจึงขอให้นางเทพทองผู้เป็นมารดาไปสู่ขอนางพิมที่บ้านของนางนางพิมก็เห็นท่าไม่ดีจึงเร่งรัดให้เณรพลายแก้วให้มาสู่ขอตนโดยเร็วซึ่งนางก็ยื่นเงินมาถุงหนึ่งมาให้พลายแก้วเป็นค่าสิดสอดหลังจากนั่นเณรพลายแก้วก็สึกแล้วให้นางทองประศรีมาสู่ขอนางพิมและแต่งงานกัน เมื่อขุนช้างทราบข่าวก็โกรธแค้นพลายแก้วและคิดหาวิธีที่จะแย่งนางพิมไปจากพลายแก้วให้ได้ไม่ว่าจะถูกหรือผิดก็ตาม
ทางกรุงศรีอยุธยาได้ข่าวว่ากองทัพเชียงใหม่ตีได้เมืองเชียงทองซึ่งเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระพันวษาถามหาเชื้อสายของขุนไกร ขุนช้างซึ่งเข้าไปรับราชการอยู่จึงเล่าเรื่องราวความเก่งกล้าสามาราถของพลายแก้ว เพื่อหวังจะพรากพลายแก้วไปให้ห่างไกลนางพิม สมเด็จพระพันวษาจึงให้ไปตามตัวมาแล้วแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพไปรบกับเมืองเชียงใหม่
ต่อมาขุนช้างทำอุบายนำหม้อใหม่ใส่กระดูกไปให้นางศรีประจันกับนางวันทอง(เปลี่ยนจากนางพิม)ดูว่าพลายแก้วตายแล้วและขู่ว่านางวันทองจะต้องถูกคุมตัวไว้เป็นม่ายหลวงตามกฎหมาย นางวันทองไม่เชื่อ แต่นางศรีประจันคิดว่าจริง ประกอบกับเห็นว่าขุนช้างเป็นเศรษฐีจึงบังคับให้นางวันทองแต่งงานกับขุนช้าง นางวันทองจำต้องตามใจแม่แต่นางไม่ยอมเข้าหอ
ต่อมาเมื่อนางวันทองทราบว่าพลายแก้วยังไม่ตาย เดินทางกลับมาจากรบศึกและได้รับยศถาบรรดาศักดิ์เป็นขุนแผนแสนสะท้าน แต่ขุนแผนก็ได้นางลาวทอง บุตรสาวของแสนคำแมน นายบ้านแห่งจอมทองกับนางศรีเงินยวงมาเป็นภรรยา ทำให้นางวันทองโกรธด่าทอโต้ตอบกับนางลาวทองและลืมตัวพูดก้าวร้าวขุนแผน ทำให้ขุนแผนโมโหพานางลาวทองไปอยู่ที่กาญจนบุรี นางวันก็ยอมตกเป็นภรรยาของขุนช้างด้วยความจำใจ
ต่อมาขุนช้างและขุนแผนเข้าไปรับราชการอบรมในวังและได้มหาดเล็กเวรทั้งสองคน วันหนึ่งนางทองประศรีให้คนมาส่งข่าวว่า นางลาวทองป่วยหนัก ขุนแผนจึงฝากเวรไว้กับขุนช้างแล้วไปดูอาการของนางลาวทอง ตอนเช้าสมเด็จพระพันวษาถามถึงขุนแผน ขุนช้างก็ใส่ร้ายว่าขุนแผนปีนกำแพงวังหนีไปหาภรรยาสมเด็จพระพันวษาโกรธจึงสั่งให้นำตัวนางลาวทองมากักไว้ในวังและสั่งไม่ให้ขุนแผนเข้าวังอีกทำให้ขุนแผนแค้นขุนช้างมาก
เวลาผ่านขุนแผนก็ได้กลับมาที่เมืองสุพรรณบุรีเพื่อมาแย่งชิงนางวันทองจากขุนช้าง ขุนแผนก็ไปที่บ้านของขุนช้างสะกดคนให้หลับหมดแล้วขึ้นไปบนบ้านก็ไปปลุกนางวันทองพาขึ้นม้าหนีเข้าป่าไป ขุนช้างไปฟ้องสมเด็จพระพันวษาพระองค์ให้ทหารตามจับขุนแผนแต่ถูกขุนแผนฆ่าตายไปหลายคนขุนแผนกับนางวันทองหลบซ่อนอยู่ในป่าจนนางตั้งท้องจึงพากันออกมามอบตัวสู้คดีกับขุนช้างจนขุนช้างแพ้คดี เวลาต่อมาขุนแผนก็ถูกจองจำคุก ขุนช้างจึงพาพรรคพวกมาฉุดนางวันทองไปเป็นภรรยาอีกครั้ง ต่อมานางวันทองก็คลอดลูกชายแล้วตั้งชื่อให้ว่าพลายงามขุนช้างก็รู้ว่าไม่ใช่ลูกของตนก็เกลียดชังพลายงาม วันหนึ่งจึงหลอกพาพลายงามเข้าไปในป่าทุบตีจนสลบแล้วเอาท่อนไม้ทับไว้จึงคิดว่าพลายงามตายแล้วจึงกลับบ้านไปด้วยความดีใจแต่แท้จริงพลายงามก็ไม่ตายเพราะโหงพรายช่วยไว้และหนีไปอยู่กับนางทองประศรีผู้เป็นย่าที่เมืองกาญจนบุรีและร่ำเรียนวิชาอาคมจนแก่กล้าและไปรับราชการในวังเวลาผ่านไปเป็นช่วงที่หลังจากขุนแผนออกจากคุกและพลายงามหรือจมื่นไวยวรนาถได้รับความดีความชอบเป็นอย่างมาก ขุนช้างก็ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของพระไวย แต่กลับเมาสุราบุกเข้าไปชกต่อยกับพระไวย ทำให้สมเด็จพระพันวษาตัดสินให้ประหารชีวิตขุนช้าง แต่นางวันทองได้ขอให้พระไวยไปกราบทูลสมเด็จพระพันวษาให้ขออภัยโทษขุนช้าง พระไวยก็ทำตามนั่นทำให้ขุนช้างรอดตาย

ความสิ้นสุดบทบาทของขุนช้าง

ต่อมาพระไวยต้องการให้แม่มาอยู่กับตนและคืนดีกับพ่อ จึงไปลักพานางวันทองมา ขุนช้างเคืองมากไปฟ้องสมเด็จพระพันวษา จึงมีการไต่สวนคดีกันอีกครั้งหนึ่ง ในที่สุดสมเด็จพระพันวษาก็ถามความสมัครใจของนางว่าจะเลือกอยู่กับใคร นางตัดสินใจไม่ได้ สมเด็จพระพันวษาหาว่านางเป็นหญิงสองใจจึงสั่งให้นำตัวไปประหารชีวิต แม้พระไวยพยายามอ้อนวอนขออภัยโทษได้ แต่ไปห้ามการประหารไม่ทัน
หลังงานศพของนางวันทอง ขุนช้างก็อาลัยในตัวนางวันทอง และตัดสินใจออกบวชเป็นเณร* ที่วัดตะไกร และค้างอยู่ 3 คืน จากนั้นจึงสึกกลับไปเมืองสุพรรณ ดังตัวบทที่กล่าวไว้ว่า
"... ขุนช้างนึกมาศรัทธามี วิ่งรี่เข้าไปหาพระหมื่นไวย บอกว่าดีฉันจะบวชตัว ทูนหัวช่วยบวชเป็นเณรให้ พระไวยบอกว่าข้าจนใจ พึ่งบวชใหม่สวดเรียนก็ไม่รู้ ขุนช้างวางมาจากพระไวย เข้าไปกราบไหว้หลวงตาหนู ได้เอ็นดูแก่ฉันเถิดท่านครู บวชเณรเถรตู้ให้ฉันที

ขุนแผน

    

ประวัติขุนแผนหรือพลายแก้ว เป็นลูกของขุนไกรพลพ่าย และนางทองประศรี เกิดที่จ.สุพรรณบุรีขุนไกรพลพ่ายเป็นทหารในสมเด็จพระพันวษาแห่งกรุงศรีอยุธยา รับราชการอยู่ที่เมืองสุพรรณบุรี ขุนไกรพลพ่ายทำความผิดจึงโดนสมเด็จพระพันวษาสั่งประหารชีวิต นางทองประศรีกลัวความผิดจึงพาขุนแผนหนีไปอยู่บ้านญาติฝ่ายขุนไกรพลพ่ายที่เมืองกาญจนบุรีพลายแก้วบวชเป็นเณรที่วัดส้มใหญ่จนสำเร็จวิชาเมื่ออายุ 15 ปี จากนั้นย้ายกลับมายังวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร โดยเป็นศิษย์ของสมภารมี จังหวัดสุพรรณบุรีแล้วไปเรียนต่อที่วัดแค โดยเป็นศิษย์ของสมภารคง และได้พบกับขุนช้างและนางพิมซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกันมาในสมัยเด็กอีกครั้ง พลายแก้วชอบพอกับนางพิม สุดท้ายได้สึกจากเณร และได้นางพิมเป็นภรรยา รวมถึงนางสายทอง พี่เลี้ยงของนางพิมในคืนเดียวกัน
พลายแก้วแต่งงานกับนางพิมได้ไม่นานก็ได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระพันวษาไปตีเมืองเชียงทอง และเชียงอินทร์ พลายแก้วได้นางลาวทอง ลูกสาวนายแคว้นบ้านจอมทองมาเป็นภรรยาคนที่สาม หลังจากรบชนะกลับมา สมเด็จพระพันวษา
ได้ปูนบำเหน็จให้เป็น ขุนแผนแสนสะท้าน
ผู้แต่ง คือ รัชกาลที่ ๒:: แต่งตอนพลายแก้วเป็นชู้กับนางพิม ขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้าง ขุนแผนเข้าห้องนางแก้วกิริยา ขุนแผนพานางวันทองหนี รัชกาลที่ ๓:: แต่งตอนขุนช้างขอนางพิมและขุนช้างตามนางวันทอง สุนทรภู่ :: แต่งตอนกำเนิดพลายงาม ครูแจ้ง :: แต่งตอนกำเนิดกุมารทอง ขุนแผนพลายงามแก้พระท้ายน้ำ สะกดพระเจ้าเชียงใหม่และยกทัพกลับ จระเข้เถรขวาดถ้าจะกล่าวถึงวรรณกรรมเรื่องดังเรื่องหนึ่งของเมืองไทย ที่มีชื่อว่า “ขุนช้าง-ขุนแผน” แล้วละก็ น้อยคนนักที่จะมีใครไม่รู้จักเพราะเป็นวรรณคดีที่มีการนำมาเป็นตัวอย่างให้กับเด็กๆได้ศึกษาในหลายๆประเด็น ทั้งเรื่องการใช้คำในการแต่งโครงกลอน หรือเนื้อเรื่องที่นำมาเป็นกรณีศึกษาและอุทาหรณ์ สอนใจ แต่เนื่องจากเป็นวรรณกรรมที่เราเคยได้รับฟังตั้งแต่สมัยเด็กๆอาจจะช่วงประถมหรือไม่ก็มัธยม และหลังจากนั้นเชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงจะห่างหายไปจากการได้ยินได้ฟังเรื่องขุนช้างขุนแผน ไปอีกนานหลายปี บางคนอาจไม่เคยได้นึกคิดถึงเรื่องนี้อีกเลย ถึงกระนั้นเราก็ยังจำเรื่องราวได้ดี เมื่อมีคนหยิบยกมาสนทนากัน แต่จะมีใครสักกี่คนที่ได้ศึกษา หรือขบคิด ถึงเรื่องนี้อย่างจริงจังว่าเรื่องราวที่เราเคยได้ยินมานั้นมันเป็นความจริงไหม ทำไม่ถึงต้องเป็นแบบนั้น หรือมันก็เป็นแค่เรื่องที่นักเขียนยุคหนึ่งสมัยหนึ่งได้แต่งขึ้นมาเท่านั้นเอง
มาถึงวันนี้เรื่องราวผ่านมาหลายร้อยปี สำหรับคนที่มีความสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย หรือเกี่ยวกับวรรณกรรมไทย เรามาลองคิดกันดูอีกที่ดีไหมว่าเรื่องราวเหล่านั้นทำไมถึงเป็นอย่างนั้น หรือมีข้อน่าสงสัยตรงไหนที่ดูน่าจะขัดกับความเป็นจริงอยู่ ท่านจะสงสัยอย่างไรนั้นก็คงแตกต่างกันไป
เรื่องราวอีกแง่มุมหนึ่งที่จะนำมาเสนอในที่นี้อาจมีความแตกต่างจากสิ่งที่ท่านเคยได้ยินมา แต่ถึงกระนั้นก็อย่าได้คิดว่าเรื่องนั้นถูกเรื่องนั้นผิดเลยเพราะมันคงจะไม่ได้มีผลเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์อะไร ขอให้ท่านอ่านแล้วลองใช้วิจารณญาณ ของท่านพิจารณาดูก็แล้วกันว่าสมควรที่จะเปลี่ยนความรู้สึกลึกๆในใจท่านบ้างหรือเปล่า เรื่องราวนั้นก็มีอยู่ว่า
เรื่องของขุนช้างขุนแผนนั้นเป็นเรื่องราวชีวิตจริงของบรรพบุรุตไทยสมัยอยุธยาช่วงราวๆปี พ.ศ. 1967 ถึง 1991 ในรัชสมัยของพระเจ้าพันวัสสาหรือ ที่เรียกกันว่า พระเจ้าสามพระยา ความจริงแล้วคำว่าขุนช้างและขุนแผนนั้นไม่มีในทำเนียบของราชการ เป็นคำเรียกที่ชาวบ้านเขาตั้งให้เท่านั้น ที่เรียกว่า ขุนช้างก็เพราะ คนตระกูลนี้เป็นมหาเศรษฐี เป็นคนหาช้างให้แก่พระราชา ตั้งแต่สมัยปู่ เป็นคนฝึกช้าง คุมช้าง หรือ เรียกได้ว่าเป็นหัวหน้ากองช้าง จึงเรียกว่า ขุนช้าง จริงๆขุนช้างมีชื่อจริงๆ ว่า “ศรี” แปลว่ามิ่งขวัญ เป็นคนมาดดี สง่าผ่าเผย ตาผ่องใส หน้ารูปไข่นิด ๆ แต่ว่า หน้าเป็นหน้าของผู้ชาย ไม่ใช่รูปไข่ของผู้หญิง ผิวค่อนข้างขาว ลักษณะ ท่าท่าง องอาจ สง่าผ่าเผย หัวก็ไม่ได้ล้านเลี่ยนดังที่มีคนเขียนไว้ เพียงแต่ หัวเถิกง่ามถ่อ ธรรมดาๆ เท่านั้น ขุนช้างอายุแก่กว่าขุนแผน 1 ปี สำหรับ ขุนแผน ก็เหมือนกัน จริงๆแล้ว ขุนแผนมีชื่อว่า “พลายแก้ว” พลายแก้ว คือ ช้างแก้ว ช้างที่มีกำลังใหญ่ ช้างตัวประเสริฐของพระเจ้าจักรพรรดิ ที่เขาให้ชื่อว่า พลายแก้ว ก็เพราะ เกิดมาฤกษ์ดี โหรพยากรณ์ว่า เด็กคนนี้จะมีอำนาจมาก สามารถจะปราบปราม ข้าศึกได้ทุกทิศ โดยที่จะใช้กำลังคน เข้าประชิดกับข้าศึก ด้วยกำลังไม่มาก ขุนแผน เป็นคนหน้าตาดี สวย สมส่วนสมสัด ท่าทางดี ทะมัดทะแมง ผิวขาว ขาวกว่าขุนช้างอีก อย่างที่ชาวบ้านเขาเรียกว่า เป็นคนขาว และที่เรียกว่า ขุนแผน ก็เพราะ เป็นคน ออกแบบออกแผน จู้จี้จุกจิก เห็นอะไรไม่ดี ก็จัดสรร กราบบังคมทูลพระเจ้าพันวัสสา พระองค์ก็เห็นด้วยทุก ประการ อาศัยที่เป็นคนวางแผน ชอบเปลี่ยนแปลง ชอบจัดระบบให้สมดุลอยู่เสมอ ชาวบ้านจึงเรียกว่า ขุนแผน ทั้งขุนช้างและขุนแผนเป็นเพื่อนที่รักกันมาก
ขุนแผนเป็นลูกของขุนไกรซึ่งเป็นแม่ทัพ และตัวของขุนแผนเองก็เป็นแม่ทัพเช่นกัน เป็นคนอยู่ในระเบียบวินัย เป็นคนที่รวบรวมกำลังของคนไทย เพื่อต่อสู้กับข้าศึกศัตรู การที่นิยายเขาบอกว่าขุนช้างโกงเอาเมียขุนแผนและขุนแผนก็ไปขโมยเมียตัวเองมาจากขุนช้างนั้น เรื่องนี้มิได้เป็นความจริงดังนั้นเลย เพราะว่าทั้งสองท่านเป็นคนดี และในเวลานั้นเป็นสมัยราชาธิปไตย คนที่อยู่ในสมัยราชาธิปไตยต้องเป็นคนดีคน อยู่ในระเบียบ ประเพณี พระธรรมวินัย และพระราชาก็มีอำนาจสั่งตัดหัวได้สบายๆ ถ้าหากใครทำชั่วอะไร
ความจริงนั้นก็คือว่า ขุนช้างเป็นคนไม่มีลูก แต่ขุนแผนเป็นคนมีลูกมาก มีลูกมากเพราะว่ามีเมียมาก ที่มีเมียมากก็เพราะว่าเป็นคนมี คาถาอาคมดี รูปร่างหน้าตาดี สวย เก๋ มีเสน่ห์ ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นคนอ่อนโยน กตัญญูรู้คุณ มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไปที่ไหนก็มีแต่ความแช่มชื่น เป็นที่รักของคนทั่วไป ฉะนั้นเมื่อชาวบ้านรักได้ สาวๆก็รักได้ เมื่อสาวๆรักได้ พ่อแผนหนุ่มเมียเพลอก็รักได้เช่นกัน ฉะนั้นพ่อแผนจึงมิได้มีเมียเพียง 2 คน คือนางลาวทอง กับพิมพิลาไลย หรือมีเมีย 5 คนตามที่เข้าใจกัน แต่มีเมียมากกว่านั้น และขุนแผนเองก็ไม่ได้มีฐานนะยากจนเข็ญใจอย่างที่พูดกัน เงินทองพอมี แต่ที่ไม่ได้มีเงินอย่างเหลือล้นเท่านั้นเอง เพราะว่าขุนแผน ไม่ค่อยเก็บสตางค์ ไปที่ไหน ก็จ่าย ให้ลูกน้องดะ เห็นคนยากจนเข็ญใจ ก็สงเคราะห์ให้ตามสมควร มีอะไรพอที่จะช่วยเหลือได้ ก็ช่วยทุกอย่าง รวมทั้งการที่เป็นคนมีลูกน้องมาก นอกจากเบี้ยหวัดเงินปี ที่พระราชาให้ ขุนแผนก็ต้องล้วงเงินในกระเป๋าของตนเลี้ยงด้วย คนทั้งหลายที่มีกำลังดี ก็เก็บเอาไว้ต่อสู้กับข้าศึก ถ้าขุนแผนไม่จับจ่ายใช้สอยมากคงจะมีเงินมากเหมือนกับขุนช้างเช่นกัน แต่ทว่าที่เขาว่าจนก็ยังอยู่ในฐานะคหบดีระดับสูง และการที่ขุนช้างเป็นคนไม่มีลูกก็เลยถือว่าลูกของขุนแผนซึ่งเป็นเพื่อนรักกันเป็นเสมือนลูกของตัวเอง ดังนั้นทุกเช้าขุนช้างจะสั่งให้คนใช้หุงข้าวไว้มากๆ ทำกับข้าว ทำขนมไว้มากๆ เพื่อเวลาที่ลูกของขุนแผนมาจะได้กินกันได้อย่างเพียงพอ เวลาลูกของขุนแผนมาถึงบ้านขุนช้าง ก็เข้าไปหาขุนช้างและก็บอก คุณพ่อไอ้นี่ดี คุณพ่อไอ้นั่นดี อันไหนที่ว่าดีขุนช้างก็หาให้ ลูกของขุนแผนเรียกจะเรียกขุนช้าง ว่า พ่อทุกคน พวกเด็กๆรักขุนช้างเหมือนพ่อ ขุนช้างเองก็รักลูกขุนแผนเหมือนลูกเช่นกัน ลูกขุนแผนต้องการอะไร ขุนช้างหาให้ทั้งหมด นี่ก็แปลว่าทั้งสองคนเป็นคนดีกันจริงๆ
ขุนแผนนั้นเป็นแม่ทัพที่มีความสามารถมาก เป็นคนรวบรวมกำลังพลของชนชาติไทยในสมัยนั้น ให้เป็นปึกแผ่น เป็นนักรบที่มีความเก่งกาจอย่างมาก รบที่ไหนชนะทั้งหมด เพราะอาศัยว่าเป็นคนมีวิชาอาคมมาก ล่องหนหายตัวได้ สะเดาะกลอนได้ สร้างหุ่นพยนต์ได้ ทำอะไรได้แปลกๆหลายอย่าง การรบทัพจับศึกก็ใช้คนไม่มาก ก็สามารถปราบข้าศึกได้ และด้วยเหตุนี้ ถ้าลองพิจารณาดูว่า เรื่องที่ขุนช้างจะไปแย่งเมียขุนแผนและขุนแผนก็ไปขโมยกลับมานั้น ดูไม่น่าจะเป็นไปได้เท่าไหร่ เพราะถ้าขุนช้างไปแย่งเมียขุนแผนจริง ขุนช้างคงจะไม่รอดแน่ๆ เพราะขุนแผนนี้ มีวิชาอาคม ร้ายกาจมาก ถ้าปรารถนา จะฆ่าคน สักคนนั้น มันไม่ยาก ไม่ต้อง ใช้อาวุธ เป็นแต่ เพียงหยิบเอาต้นหญ้าขึ้นมาต้นเดียว ต้องการให้ต้นหญ้านั้นเข่นฆ่าใคร คนนั้นก็ตายแล้ว ความจริงขุนแผนกับขุนช้างไม่มีเรื่องร้ายอะไรต่อกันเลย จะมีก็แต่ความเข้าใจผิดกันเล็กน้อย ตอนที่ขุนแผนไปตีเมืองจอมทอง มีคนเขามาแกล้ง แย่งความดีของขุนช้าง คิดจะให้ขุนช้างถูกขุนแผน ฆ่าตาย จึงเอากระดูกคนมาแสดงให้ขุนช้างเห็นว่า เวลานี้ขุนแผนตายแล้ว และขุนแผนก็สั่งว่า สำหรับวันทอง ซึ่งเป็นเมียเล็ก เห็นว่า ไม่คู่ควรกับใคร ขอมอบไว้กับขุนช้าง ปกครองด้วย ช่วยรักษาเธอให้มีความสุข แต่เรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรทั้งสองคนก็เข้าใจกันในเวลาต่อมา และประกอบกับคนสมัยนั้นจิตเขา เป็นมหากุศล ทำบุญ ทำกุศล สวดมนต์ ใส่บาตรไหว้พระ เจริญสมถะวิปัสสนากันเป็นปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับขุนแผน ซึ่งก็จะเห็นว่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เขียนกันไปนั้น มันลอกเปลือกกันมาก จนคนเข้าใจกันผิดไปมาก
ส่วนหนึ่งบทเสภาจากวรรณคดี ขุนช้าง-ขุนแผนที่แต่งขึ้น ซึ่งกล่าวถึงการเรียนวิชาอาคมของขุนแผน ที่ดูแล้วส่วนใหญ่ถูกต้องตามตำราของพระเวทอาคมและเป็นบทเสภาที่ไพเราะแสดงถึงพรสวรรค์และความชำนาญในการใช้คาถาอาคมของขุนแผน
อันเรื่องราวกล่าวความพลายงามน้อย ค่อยเรียบร้อยเรียนรู้ครูทองประศรี
ทั้งขอมไทยได้สิ้นก็ยินดี เรียนคัมภีร์พุทธเพทพระเวทมนต์
ปัถมังตั้งตัวนะปัดตลอด แล้วถอนถอดถูกต้องเป็นล่องหน
หัวใจกริดอิทธิเจเสน่ห์กล แล้วเล่ามนต์เสกขมิ้นกินน้ำมัน
เข้าในห้องลองวิชาประสาเด็ก แทงจนเหล็กแหลมลู่ยู่ขยั้น
มหาทะมื่นยืนยงคงกระพัน ทั้งเลขยันต์ลากเหมือนไม่เคลื่อนคลาย
แล้วทำตัวหัวใจอิติปิโส สะเดาะโซ่ตรวนได้ดังใจหมาย
สะกดคนมนต์จังงังกำบังกาย เมฆฉายสูรย์จันทร์ขยันดี
ทั้งเรียนธรรมกรรมฐานนิพพานสูตร ร้องเรียกภูตพรายปราบกำราบผี
ผูกพยนต์หุ่นหญ้าเข้าราวี ทองประศรีสอนหลานชำนาญมา
และอีกเรื่องที่มีความเข้าใจกันผิดๆก็คือเรื่องของกุมารทอง หรือลูกกรอกของขุนแผน จริงๆแล้ว บัวคลี่ไม่ได้ตาย เพราะถูกขุนแผนผ่าท้องเอาลูกไปทำลูกกรอก ความจริงลูกกรอกเขาเกิดมา เพื่อให้คุณแก่พ่อแม่ และมีลักษณะพิเศษ คือ เวลาท้องนั้น ท้องโตได้ยุบได้ บัวคลี่คลอด ลูกออกมาเป็นลูกกรอก แล้วต่อมาอีก 3-4 เดือน จึงได้ตายด้วยโรคภัยธรรมดา
ในตอนท้าย ขุนช้าง ท่านมีราชทินนามหรือบรรดาศักดิ์ ก่อนที่ท่านจะตาย ว่า พระยาภานุมาศ สำหรับขุนแผนนั้น เป็นพระบำราบอรินทร์ และก็เป็น พระยากาญจน์บุรี แต่เนื้อแท้ จริง ๆ ท่านเป็น เจ้าพระยา แต่ทว่า ประวัติศาสตร์หายไปบางส่วน ทั้งสองคน เวลาที่รับราชการอยู่ก็ชอบทำบุญ ทำทาน ตอนพ้น จากราชการก็ไปจำศีลกันในป่าในเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งขุนแผน ไปอยู่ที่เขาชนไก่ จังหวัดกาญจนบุรี ส่วนขุนช้าง ปรากฏว่า หลบไปอยู่ทางเขาราวเทียน ซึ่งอยู่ทางหลังอำเภอหันคา ทั้งสองคนจำศีลภาวนาจนได้ ฌานสมาบัติ ตายจากความเป็นคน ขุนช้างไปเกิด เป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราช แต่สำหรับขุนแผน เวลาตายก็เข้า ฌานตาย เพราะมีกำลังใจใหญ่ ตายแล้วไปเกิดเป็นพรหม และก็เป็นพรหมที่ขยันเกิดด้วย เพราะมีนิสัย ชอบยุ่ง ท่านถือว่า คนไทยที่มีน้ำใจดี เป็นคนของท่าน เป็นพี่เป็นน้องท่าน และท่าน ก็มาเกิดอีกครั้งในสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช มี นามว่า นายเหล็ก สมัยรัตนโกสินทร์ก็มาเกิดอีก แต่จะเป็นใครนั้นไม่รู้แล้ว
อย่างไรก็ดีขุนแผนหรือพยากาญจน์บุรี เป็นยอดวีรบุรุษของแผ่นดินสยามที่ลูกหลานคนไทยสมควรจะจดจำและน้อมรำลึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญและความเสียสละของท่านที่ทำหน้าที่ปกป้องบ้านเมืองไม่ให้ตกเป็นเมืองขึ้นของอริราชศัตรู ประกอบกับคุณงามความดีที่ท่านได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความสื่อสัตย์สุจริตเห็นแก่ประโยนชน์ของบ้านเมืองเหนือกว่าสิ่งอื่นใด ท่านเป็นทั้งนักรบที่เก่งกาจกล้าหาญ และเป็นนักรักที่น่าเคารพศรัทธา ใครที่เคยเข้าใจขุนแผนผิดได้อ่านบทความนี้แล้วแล้วก็ได้โปรดเข้าเสียใหม่ เพราะประวัติศาสตร์เรื่องจริง กับนิยายที่แต่งขึ้นภายหลังนั้นมันแต่งต่างกันมาก ให้ข้อสังเกตถึงบารมีของพ่อขุนแผนไว้อย่างหนึ่งคือ คำว่าขุนแผน ทุกคนที่เกิดมาเป็นคนไทยจะคุ้นหูกันดี ถึงแม้แต่คนที่ยังไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าเรื่องราวของขุนแผนจริงๆเป็นอย่างไร หรือจะเข้าใจไปในแบบไหนก็ดี แต่ชื่อ “ขุนแผน” ก็ติดอยู่ในหัวใจคนใจคนไทย ตรงกับคำกล่าวที่ว่าคนไทยหัวใจขุนแผนยังไงละครับ รู้ความจริงแล้วหากใครศรัทธา ลองบูชาพ่อแผนด้วยความจริงใจ แล้วท่านจะพบกับสิ่งดีๆที่ท่านไม่เคยคิดมาก่อนเลยทีเดียว

[แก้] ประวัติ


พระราม

   ประวัติพระราม

    พระราม คือ พระนารายณ์อวตาร (แบ่งภาค) ลงมา ถือกำเนิดเป็นพระราชโอรสของ
ท้าวทศรถ กับ นางเกาสุริยา เพื่อจะปราบทศกัณฐ์ พระรามมีพระอนุชาต่างพระ
มารดา ๓ พระองค์ คือ พระพรต พระลักษมณ์ และพระสัตรุต ซึ่งต่างก็มีความ
รักใคร่กันอย่างมาก พระมเหสีของพระราม คือ นางสีดา พระรามมีกายสีเขียว
สามารถปรากฏร่างเป็นพระนารายณ์มีสี่กรได้ อาวุธประจำพระองค์ คือ ศร
ซึ่งเป็นอาวุธวิเศษ ที่ได้ประทานมาจากพระอิศวร 
บทบาทที่สำคัญในเรื่องรามเกียรติ์ ได้แก่
- เมื่อเยาว์วัยพระรามได้รับการศึกษาศิลปศาสตร์ กับสำนักฤาษีสวามิตร
หรือวิศวามิตร มีความเก่งกล้า ถึงกับฆ่ากากนาสูร และสวาหุ ซึ่งมารบกวนเหล่า ฤาษีชีไพร

- ท้าวชนกจักรวรรดิ์(ฤาษีชนก) ได้ให้หมู่กษัตริย์มาประลองยกศรรัตนธนู เพื่ออภิเษกกับนางสีดา 
พระรามก็สามารถยกรัตนธนูได้สำเร็จ และได้อภิเษกกับนางสีดา 
ระหว่างเดินทางกลับกรุงอโยธยา สามารถปราบรามสูร(ยักษ์ผู้ถือขวาน)และได้รับศรจากรามสูร

- ได้ฆ่าพระยาขร และพระยาทูษณ์ พี่ชายของนางสำมนักขา
- ระหว่างออกเดินป่า ได้ปราบพิราบยักษ์
- ได้ช่วยสุครีพปราบพาลี 
- ไปรบกับทศกัณฐ์ และได้ฆ่าทศกัณฐ์ได้สำเร็จ
- สถาปนาพิเภกให้ครองกรุงลงกา

วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2559

นางวันทอง


นางวันทอง




นางวันทองเป็นบุตรสาวของพันศรโยธา และนางศรีประจัน ครอบครัวของนางวันทองเป็นตระกูลพ่อค้าที่มีฐานะดีพอสมควร นางจึงได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี
นางเป็นคนสวยรูปร่างอรชนอ้อนแอ้น กิริยามารยาทแช่มช้อย ซึ่งความสวยของนางนั้นปรากฏให้เห็นชัดตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และยังมีผมสวย ดังที่กวีพรรณนาไว้ว่า

"ทรวดทรงส่งศรีไม่มีแบน อรชรอ้อนแอ้นประหนึ่งเหลา
ผมสลวยสวยขำงามเงา ให้ชื่อเจ้าว่าพิมพิลาไลย"

นางไม่ค่อยฉลาดเท่าใดนัก ทำอะไรก็ทำตามประสาหญิงชาวบ้าน เมื่อโตเป็นสาวก็เริ่มคิดเรื่องคู่ครอง จึงทำให้ดูเหมือนว่านางวันทองไม่รักนวลสงวนตัวนางวันทองก็ยังมีภาพลักษณ์ด้านดีที่เห็นได้ชัด คือ ความละเอียดอ่อน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการรับรู้ถึงความดีของผู้อื่นที่ปฏิบัติต่อนาง ดังจะเห็นได้จากถึงแม้นางจะไม่ได้รักขุนช้างแต่ด้วยความดีของขุนช้างและความผูกพันที่อยู่กันมา 15 ปี ทำให้นางเป็นห่วงเป็นใยความทุกข์สุข และความรู้สึกของขุนช้างไม่น้อย หรือ อารมณ์ที่ละเอียดอ่อนในการเป็นแม่ศรีเรือนที่ดี เป็นคนกล้าที่จะยอมรับชะตากรรมของตัวเอง มีน้ำใจเมตตา และให้อภัยโดยไม่เคียดแค้น
   ในที่สุดพระพันวษาต้องให้นางเลือกว่าจะอยู่กับใครระหว่างขุนแผนหรือขุนช้าง แต่นางวันทองก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ เพราะแม้ขุนแผนจะเจ้าชู้จนมีเรื่องราวทะเลาะเบาะแว้งหึงหวงกันอยู่เสมอ แต่ก็เป็นรักแรกและยังมีลูกด้วยกันคือพลายงามอีกด้วย ขุนช้างแม้จะขี้เหร่ แต่ก็มีรักจริงและรักเดียว แถมดูแลนางอย่างดีเพราะมีเงินทองร่ำรวย การที่นางไม่สามารถตัดสินใจได้เด็ดขาดนี่เอง จึงทำให้ถูกพระพันวษาสั่งประหารชีวิตด้วยความกริ้ว และเป็นเหตุให้ถูกประณามว่า เป็นวันทองสองใจบ้าง นางวันทองสองผัวบ้าง ทั้งๆที่ชีวิตนางวันทองน่าเห็นใจไม่น้อย เพราะถูกสองหนุ่มยื้อกันไปยื้อกันมา แม้ไม่เต็มใจ แต่ก็อยู่ในภาวะจำยอมเพราะช่วยตัวเองไม่ได้